คงจะหายากเต็มที กับดาราไทยในโลกมายาทุกวันนี้ ที่จะ "เสมอต้นเสมอปลาย" ไม่เปลี่ยนแปลง หายห่วงเรื่องข่าวฉาวอย่าง "เอ๊ะ-อิศริยา (เกียรติญา) สายสนั่น" ดาราหน้าไทย ผิวสีน้ำผึ้ง ที่อวดฝีไม้ลายมือในทุกบทบาทการแสดงได้อย่างชนิดที่เรียกว่า ไม่ทำให้คนดูผิดหวัง
อย่างเรื่องล่าสุด "จงกลกิ่งเทียน" ที่ลาจอไปพร้อมกับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ปีนี้ถือเป็นปีที่ 12 ของเธอ บนเส้นทางบันเทิง ตลอดการทำงานตั้งอายุ 15 ปี เธอมีคุณแม่แสนดี "ระพีพันธ์ สายสนั่น" ที่คอยดูแลเรื่องงาน คิวงาน ตลอดจนจิตใจในทุกปัญหาที่ถาโถมเข้ามา
"ทุกวันนี้ ที่เอ๊ะอยู่ได้ เพราะเอ๊ะเป็นเอ๊ะ การเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย คือสิ่งที่คุณแม่สอนมาตลอด เราจึงใช้ชีวิตเรื่อยๆ ไม่ต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ กับสิ่งที่เราเป็น ทุกวันนี้ก็เป็นแบบนี้ ซึ่งอาจจะมีบางอย่างที่ฝืนไปบ้าง เพราะต้องดูแลตัวเอง เวลาไปไหน จะต้องดูเรื่องการแต่งตัว สำรวมมารยาท แต่ก็ไม่ถึงกับอึดอัดมาก ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่หนีความเป็นตัวเอง
ดังนั้น "คนเราเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดี ไม่ใช่เปลี่ยนจนขาดความเป็นตัวเรา มันอาจจะมีข้อที่ไม่ดี ก็ควรพยายามแก้ไข" นี่คือความสุขในการใช้ชีวิตของดาราหน้าไทย ผิวสีน้ำผึ้งคนนี้ ที่มีแม่คอยอบรม และพร่ำสอนอยู่เคียงข้าง
หากเล่าย้อนภาพวันวานกลับไป "เอ๊ะ" เป็นลูกสาวคนที่ 3 จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน (หญิง 2 ชาย 3) ที่คุณแม่เลี้ยงลูกเพียงคนเดียวมาตลอด เพราะคุณพ่อแยกทางกับคุณแม่ตั้งแต่เธออายุ 2-3 ขวบ หาเลี้ยงลูกๆ ด้วยการเปิดร้านขายเทปฝึกภาษาอังกฤษ กับร้านถ่ายรูปในตอนนั้น
สำหรับแนวการสอนของบ้านนี้ จะไม่เน้นการตี ถึงมีก็น้อยมาก ซึ่งในชีวิต เธอเคยถูกแม่ตีอยู่ 2 ครั้ง เพราะไปหมุนที่ใส่เครื่องปรุงเล่นจนแตก แต่ถึงกระนั้น ตัวเธอไม่ค่อยถูกคุณแม่ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดสักเท่าไร เพราะเป็นเด็กเรียบๆ ไม่หวือหวาอะไร ในเรื่องของงานบ้าน เธอขอสารภาพว่า เธอไม่ค่อยใส่ใจกับงานตรงนี้มากนัก แตกต่างกับคุณแม่ที่จะเป็นคนรักความสะอาด อีกทั้งยังทำกับข้าวเก่งอีกด้วย
"คุณแม่เป็นคนค่อนข้างเหมือนผู้ชาย และจะเลี้ยงลูกเหมือนผู้ชาย ใจป้ำกับลูก ลูกอยากได้อะไรซื้อให้ แต่ทั้งนี้ ต้องให้กับลูกทุกคนเท่าเทียมกันหมดด้วย จะไม่มีว่า ลูกคนนี้ รักมากรักน้อย แต่สิ่งที่แม่ขอลูกๆ มีอยู่เรื่องเดียวคือ ให้ลูกเรียนหนังสือให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังขอจากลูกอยู่ เนื่องจากแม่เชื่อว่า การศึกษาจะติดตัวลูกไปจนตาย" เอ๊ะเล่า
นอกจากนี้ เธอเล่าต่อว่า คุณแม่เป็นคนไม่พูดมาก เวลาพูด จะต้องถึงขั้นไม่ไหวแล้ว ถึงจะพูด ไม่จุกจิก จู้จี้ เพราะถ้าลูกทุกคนรู้หน้าที่ ก็จะไม่อะไรกับลูกมากมาย ส่วนหนึ่งจะเลี้ยงลูกแบบไทย แต่ไม่ใช่ไทยที่จุกจิก รวมไปถึงเรื่องมารยาท กาลเทศะ และการใช้ชีวิตในวงการบันเทิงที่จะขาดเสียไม่ได้
ครอบครัว "สายสนั่น"
เอ๊ะ : เด็กดื้อ มีเหตุผล
เมื่อถามถึงตัวตนที่แท้จริงของเอ๊ะ จะบอกว่าเรียบร้อยไหม เธอบอกว่า "ภาพภายนอกอาจจะดูเรียบร้อย ซึ่งมันก็จริงส่วนหนึ่ง แต่คงไม่ใช่เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ไม่ขนาดนั้น เวลาอยู่ที่โรงเรียน จะไม่เป็นเด็กหัวโจก ไม่ชอบทำอะไรที่แหวกแนว หรือโดดเด่นมากเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ตาม แต่การตามจะเลือกตามในสิ่งที่ดี โดยจะดูความน่าเชื่อถือของคนๆ นั้น อย่างเช่นแม่ เป็นต้น"
"จริงๆ แล้วเอ๊ะเป็นคนดื้อเหมือนกัน ถ้าใครจะให้เอ๊ะทำอะไร เอ๊ะทำได้ แต่มีเหตุผลให้เอ๊ะนิดนึง เหมือนเอ๊ะเล่นละคร ถ้าเอ๊ะไม่เข้าใจเหตุผลของตัวละคร เอ๊ะก็เล่นไม่ได้ ดังนั้นชีวิตเอ๊ะ เป็นคนชอบอะไรที่มีเหตุผล ไม่ใช่สักแต่ว่าให้ทำ แต่ไม่รู้ทำไปแล้วได้อะไร หรือเพื่ออะไร เพราะฉะนั้นเมื่อเรารู้เหตุผล เราจะทำได้เต็มที่"
ด้วยความที่เธอเป็นคนมีเหตุผล ทำให้เธอเลือกที่จะเรียนกฎหมาย เพราะสอดรับกับนิสัยของเธอที่ชอบเหตุและผล จนเรียนจบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้นเรียนต่อจนจบปริญญาโท คณะวารสารศาสตร์ และสื่อสารมวลชนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ซึ่งตอนนี้กำลังเตรียมตัวเรียนต่อปริญญาเอกตามความตั้งใจของคุณแม่ แต่ถึงแม้จะเรียน และทำงานไปด้วย เธอก็ไม่ละเลยที่จะให้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่
"ทำงานเสร็จกลับบ้าน เวลาว่างก็ไปเที่ยวกับครอบครัว ส่วนใหญ่จะอยู่ด้วยกันที่บ้านมากกว่า เช่น ร้องเพลงคาราโอเกะ ทำกับข้าวกินกันเอง ทุกวันนี้เต็มที่กับครอบครัวมากค่ะ" ครอบครัวคือส่วนสำคัญของชีวิตที่เอ๊ะรักมากที่สุด
แม่ลูกคู่สวย
คิดจะมีลูก ต้องทำให้ได้เหมือนแม่
สำหรับความประทับใจในตัวคุณแม่ เธอเล่าด้วยเสียงใสๆ ว่า "เอ๊ะประทับใจทุกอย่าง โดยเฉพาะแม่ที่รักลูก ทุกอย่างให้ลูกได้ ถึงแม้ลูกจะโตท่านก็ยังดูแลทุกอย่างเหมือนเดิม ทั้งเรื่องงาน และเรื่องเรียน คำว่าแม่จะให้โตอย่างไร ก็ไม่ปล่อย พี่สาวเอ๊ะอายุ 30 แล้ว คุณแม่ก็ยังเป็นห่วง และดูแลอยู่ตลอด มันทำให้เรารู้เลยว่า การเป็นแม่ ไม่ใช่แค่การได้มีลูก เลี้ยงลูกแค่นั้นจบ แต่ต้องเลี้ยงให้ได้ดี ถ้าเลี้ยงไม่ดี มีปัญหาต้องแก้ไข ทำให้ทุกวันนี้ เอ๊ะคิดกับตัวเองว่า "ถ้าเอ๊ะไม่พร้อมในทุกๆ เรื่อง เอ๊ะจะไม่มีลูก เพราะเอ๊ะรู้สึกว่า ถ้าเอ๊ะมีลูก เอ๊ะต้องทำให้ได้อย่างที่คุณแม่ทำ แต่เรารู้เลยว่า เรายังไม่สามารถ"
อยู่อย่าง 'สันโดษ' ในโลกมายา
อย่างไรก็ดี คงปฎิเสธได้ยากว่า การอยู่ในโลกมายานั้น มีน้อยคนนักที่จะไม่ตกข่าวทั้งดี และไม่ดี โดยเฉพาะนักแสดงผู้หญิงแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่สำหรับเอ๊ะ เธอไม่ค่อยมีข่าวกับใครเท่าที่ควร ตรงนี้เธอบอกว่า "เอ๊ะมีนิสัยเหมือนกับคุณแม่อย่างหนึ่ง ที่ไม่ค่อยยุ่งกับเรื่องคนอื่นมากนัก เรียกได้ว่าเป็นคน สันโดษ ไม่ชอบคนพลุกพล่าน จึงทำให้เอ๊ะไม่ค่อยมีเรื่องราวจนตกเป็นข่าวกับคนโน้น คนนี้ในวงการ ส่วนใหญ่แล้ว เป็นคนที่อยู่กับตัวเอง และครอบครัวมากกว่าคนอื่น"
"สิ่งที่คุณแม่สอนบ่อยๆ คือ กระจกมี 6 ด้าน อย่าไปคาดหวังกับคนอื่นๆ ว่าจะต้องเป็นคนดีไปทั้งหมด แต่ให้คิดไว้เสมอว่า มีทั้งคนดี และไม่ดี ชอบ และไม่ชอบเรา ดังนั้นอย่าเก็บเอาไปคิด แต่ถ้าใครติมา ก็ขอให้เข้มแข็ง อย่าไปอ่อนแอกับเรื่องที่กังวลมากเกินไป ซึ่งเอ๊ะเป็นคนคิดมาก แต่ตอนนี้เริ่มปล่อยวางมากขึ้น" เอ๊ะเล่า
พอใจในสิ่งที่มี ความสุขที่สุดของชีวิต
ปัจจุบัน คงต้องยอมรับว่า "ความสวย" เป็นอีกหนึ่งความหวัง และความอยากของเด็กวัยรุ่นส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะความขาว และด้วยความเจริญทางด้านนวัตกรรมความสวยความงาม จึงเกิดทางเลือกให้เด็กจำนวนมาก ทั้งการกิน และการฉีด ในฐานะที่เอ๊ะเป็นตัวแทนของหญิงไทยผิวเข้ม ที่พึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี จึงฝากถึงเด็กวัยรุ่นทุกคนว่า
"จริงแล้วเรื่องผิว เป็นปมด้อยของเอ๊ะเหมือนกันนะ แต่ก่อนเราดำขนาดนั้นเลยหรอ ดำแล้วผิดหรอ แต่ก็เชื่ออยู่เสมอว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนให้ผิวมาขาวจั๊วได้ คุณแม่จะพูดให้กำลังใจตลอดว่า ถ้าขาว เอ๊ะคงไม่เป็นเอ๊ะในทุกวันนี้ เรารู้สึกได้จริงๆ ว่า ถ้าขาวเราก็คงไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงก็ได้ เพราะฉะนั้น อยากจะบอกน้องๆ วัยรุ่นว่า อะไรที่เป็นของตัวเราเอง เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุด
อยากให้เด็กรุ่นใหม่ รักษาความใสและความน่ารักเอาไว้ ดังนั้นอย่าเพิ่งสวยเลย ด้วยความพยายามที่จะใส่ให้สั้น หรือแต่งหน้าให้ฉ่ำ ซึ่งเห็นแล้วก็เสียดาย เพราะวันที่สวยมีอีกเยอะ แต่ช่วงวันที่ใสมีแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้นเอง เอ๊ะอยากให้น้องๆ พอใจกับสิ่งที่ตัวเองมี และเป็นธรรมชาติของวัย เมื่อผ่านพ้นไป การจะเรียกร้องสิ่งที่อยากจะให้เป็นกลับมา มันยาก" นักแสดงผิวสีน้ำผึ้งฝากทิ้งท้าย
Fri Nov 19, 2010 11:13 am